รีวิวคอนเสิร์ตเกาหลีครั้งแรกในชีวิต: ฉัน บัตรฟรี และจีดรากอน

อันที่จริงเราคิดจะเปิดบล็อกตั้งนานแล้ว หลักๆ คือเอาไว้พูดถึงหนังสือที่เราอ่าน หรือความคิดอะไรก็ตามที่แวบเข้ามาในหัว แต่ก็ผัดออกไปทุกทีสิน่า... (ก็เป็นคนแบบนี้แหละ)

แต่ได้ฤกษ์คราวนี้เพราะไปสัญญาใจกับเพื่อนเอาไว้ว่าจะเขียนรีวิวคอนเสิร์ตที่เพื่อนชวนเราไปดูฟรี เป็นพวกแพ้คำสัญญาก็ว่า...

ดังนั้นก็ขอประเดิมบล็อกอย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิตด้วยการรีวิวคอนเสิร์ตเกาหลีนี่แหละ!

---------------------------



เรามีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีที่ชื่อคุ้นหูหน้าคุ้นตาแบบฟรีๆ วันนั้นฝนพรำแบบไม่ควรเดินทางไปไกลถึงเมืองทอง เปลี่ยนใจไปมาอยู่สองที สุดท้ายก็เก็บของนั่งรถเดินทางไปถึงคอนเสิร์ตแบบทันเวลาเฉียดฉิว (อันที่จริงก็เลยเวลาเริ่มคอนเสิร์ตไปแล้วเกือบชั่วโมง แต่ศิลปินยังไม่ขึ้นแสดง ในทางปฏิบัติแล้วถือว่าทันเนอะ) ตั้งแต่รู้ข่าวจนกระทั่งเข้าไปนั่งในคอนเสิร์ต เราคิดมาตลอดว่าเรากำลังจะดูคอนเสิร์ตเดี่ยวของ ‘จีดรากอน’ แห่งวงบิ๊กแบง และคิดอย่างนั้นไปตลอดคอนเสิร์ตจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงต่อระหว่างองก์ที่สองและองก์ที่สาม เราถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเรากำลังดูคอนเสิร์ตของควอนจียงอยู่

เท้าความก่อนว่าเราเคยฟังเพลงของวงนี้อยู่ช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่งตอนมัธยม และไม่ได้ฟังไม่ได้สนใจอีกเลย ดังนั้น นอกจากการเลือกจะหยิบเพลงของบอยแบนด์เกาหลีวงนี้มาฟังเวลาต้องการจังหวะตื๊ดๆ นอกจากการรู้จักพวกเขาผ่านเพื่อนๆ ที่เป็นแฟนคลับ นอกจากการชมว่าผู้ชายในวงคนนั้นคนนี้หล่อดี (ฮา) เราก็ไม่รู้จักอะไรเขามากเลย เรารู้ว่ามีจีดรากอนที่เราคิดว่าเพลงเขาก็ดีแปลกแต่เท่ดีนะ เท่านั้นเอง มาได้รู้จักมากขึ้นอีกนิดตอนเป็นข่าวเรื่องกิโกะและนานะ มาได้รู้จักเข้าไปอีกระดับตอนกดฟังเพลงแบบไม่ได้คาดหวังอะไร แต่กลับได้ทำความรู้จักเพลงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ดนตรีที่บรรเลงเปียโนกับเสียงร้องเท่านั้น เพลงภาษาต่างประเทศที่เราฟังอะไรไม่ออกแต่สัมผัสได้ถึงความโหยหา คุณภาพเสียงที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าศิลปินบอยแบนด์จะไต่ไปถึงได้ เพลงเกาหลีเพลงแรกที่กดซื้อ และเป็นเหตุผลเดียวที่เราตัดสินใจไปดูคอนเสิร์ต – เพลง Untitled, 2014

ช่วงเวลาตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ขององก์แรกและองก์ที่สอง สารภาพตามตรงว่าเราเหวอไปมากอยู่กับการแสดงของ “ไอดอล” เกาหลี ที่ไม่เอนเตอร์เทนคนดูเลย แต่ในความเหวอนั้น เราก็ตื่นตาตื่นใจกับเวที แสง สี และอาร์ตไดเรกชั่นทั้งหมดต่อให้ไม่รู้จักเพลงไหนเลย (ไฟที่พุ่งขึ้นมาร้อนมากจนแถวหลังสุดยังสะดุ้ง) ควอนจียงในตอนนั้นเดินขึ้นมาบนเวที ไม่พูดไม่ทักทาย และเริ่มการแสดงของเขาทั้งอย่างนั้น เขาร้องเพลงเหมือนเขาอยู่กับตัวเองคนเดียว เหมือนที่ที่เขายืนอยู่ไม่ใช่เวทีของฮอลล์ใหญ่จุคนเรือนหมื่น แต่เป็นยกพื้นเตี้ยๆ ของเวทีอินดี้ที่ไหนสักที่ เขาเต้นเซไปเซมาเหมือนแค่เอียงตัวยืนนั่งตามจังหวะเพลง ไม่ได้มีแดนซ์ไลน์ เหมือนกำลังสนุกกับตัวเอง แต่ทั้งหมดนั้น เขาสะกดเราอยู่ เราที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับเขา

ตอนที่เราตระหนักขึ้นมาว่าคนที่อยู่บนเวทีตรงหน้านี้คือควอนจียงนี่หว่า (ก็ว่าทำไมเล่นคอนเสิร์ตอินดี้จังไม่สนใจคนดูเลย...) คือตอนที่เวทีเล่นวิดีโอของเขาที่พูดถึงตัวเขาเอง ในตอนนั้น เขาดูสับสน ในตัวตนของตัวเองที่ยืนอยู่บนเวทีตรงนั้น เขาดูประหม่า ในการที่จะแนะนำควอนจียงให้ทุกคนรู้จัก เขาดูเปราะบาง ในตอนที่เขาไม่แน่ใจว่าคุณจะชอบเขาเหมือนที่ชอบจีดรากอนไหม

เราคิดว่าเขากำลังสับสนว่าตัวเขาที่อยู่บนเวทีเป็นใคร แล้วตัวเขาที่ไม่ได้อยู่บนเวทีเป็นใคร สับสนว่าทุกคนรักจีดรากอนคนที่เขาย่อยความซับซ้อนของตัวตนและตัดทอนขั้นตอนของช่วงเวลาก่อนที่จะนำเสนอออกมาเป็นบทเพลงหมดแล้ว แล้วจะรับจีดรากอนที่เป็นศิลปินคนหนึ่งหรือไม่ เราเอาใจช่วยเขาตอนที่เขาพยายามจะเปิดเผยตัวตนของเขากับคนดู และเราติดใจที่สุดตอนที่เขาพูดบนเวทีก่อนจะเล่นเพลงหนึ่งว่า เพลงนี้แต่งขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือที่เขาอ่านที่ชื่อนี้ล่ะ...แต่พวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้... เขาพูดเหมือนหลุดปากและหลุดความเป็นจีดรากอนออกมายังไงยังงั้น

ในวิดีโอนั้น ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เขาที่ห่อตัวเองอยู่ในผ้าสีแดงก็ทำให้เราตีความออกมาว่ามันคือ ‘จีดรากอน’ บางๆ ชั้นสุดท้ายที่ห่อหุ้ม ‘ควอนจียง’ เอาไว้ บอกกับแฟนคลับทุกคนตรงนั้นว่านี่คือเขาจริงๆ เปิดเปลือยจนจะไม่เหลืออะไรแล้ว (อุปมาอุปไมย...จริงๆ) ไม่มีเสื้อผ้าหนักอึ้งแพรวพราวของจีดรากอน เขาที่เป็นควอนจียงก็ยังอยากจะเปล่งประกายให้ได้แบบเดิม มันทำให้เราคิดขึ้นมา – หลังจากนั้นสองสัปดาห์ – ตอนที่เราเพิ่งรู้ชื่อคอนเสิร์ตและความหมายของมัน ว่าการกลับสู่จุดเริ่มต้นของคอนเสิร์ตนี้อาจจะหมายถึงควอนจียง ก็การกำเนิดของจีดรากอนก็คือควอนจียงยังไงล่ะ และในขณะเดียวกันเราก็อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า แฟนๆ คุณจะไม่รักควอนจียงไปได้ยังไง คุณคือจีดรากอน คุณคือควอนจียง คุณก็คือเขานี่

ประมาณสองชั่วโมงผ่านไป เพลงที่เราตั้งใจมาเพื่อฟังสดก็เล่นขึ้นเป็นเพลงอังกอร์เพลงสุดท้าย คุณภาพเสียงของศิลปินหลังจากเต้นและร้องตามใจฉันไปแล้วสองชั่วโมงยังไต่ไปถึงและคงอารมณ์ครบถ้วนยิ่งทำให้เรานับถือในความจริงของเขา เขาเดินลงมาร้องเพลงอยู่หน้าคนดูชนิดที่ว่าใกล้ถึงเนื้อถึงตัวได้ และเราดีใจที่ตัดสินใจมาดูคอนเสิร์ตในวันนั้น เราดีใจที่เราได้มาชมศิลปะดีๆ ภายใต้ชื่อของคำว่าคอนเสิร์ต

หลังจากจบคอนเสิร์ตวันนั้น ถามว่าเราผันตัวไปเป็นแฟนคลับเขาเลยไหม ก็ยังไม่เชิง นอกจากการซื้อเพลงที่ติดหูจากในคอนเสิร์ตแล้ว หลายเพลงของเขาก็ยังไม่ได้ถูกจริตเราที่สุดอยู่ดี ด้วยความที่ภาษาเป็นอุปสรรคส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขาลบภาพจำของไอดอลเกาหลีจีดรากอนแล้วแนะนำควอนจียงให้เรารู้จักผ่านดนตรีของเขา ควอนจียงในฐานะศิลปินที่มีคุณภาพ มากกว่าแค่ผู้ชายสโมกกี้อายผมยาวสีแดงในแฟนทาสติกเบบี้บูมชากาลากาคนนั้น... (จบได้จังไรมาก แต่จะให้ไม่พูดถึงมันก็ไม่ได้จริงๆ...)

Comments

Popular posts from this blog

เรื่องเล่าตอนทำพาสปอร์ตหาย และฮาวทูทำยังไงดี Missing Passport and How To Find It (Hint: you don’t)

Tokyo Summer Night คืนหนึ่งคืนนั้นในฤดูร้อน

พกเมอร์ฟีไปเที่ยวลั่วหยาง, Frozen China 2