Tokyo Summer Night คืนหนึ่งคืนนั้นในฤดูร้อน



Tokyo summer night by the river

เฟซบุ๊กมีฟังก์ชันรื้อความทรงจำรายปีมาให้เราคิดถึงเล่นๆ ทุกครั้งก็คิดถึงตามจริงๆ แต่หลายครั้งก็ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องราวในรูปพวกนั้นผ่านไปเป็นปีแล้ว

วันนี้ ตอนนี้ เรานั่งอยู่หน้าคอมในประเทศไทย ทำงานต๊อกแต๊กไปตามเรื่องตามราว อยู่ในเขตปลอดภัยของชีวิต อาจจะทำงานหนักหน่อย ไม่ได้สุขที่สุดในโลก แต่ไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้กดดัน

วันนี้ ปีที่แล้ว เราใช้เวลาหกชั่วโมงอยู่บนเครื่องบิน เป็นการบินเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต แลนดิ้งตอนเกือบหกโมงเย็นวันจันทร์เวลาญี่ปุ่น ไต้ฝุ่นเข้า รถไฟหยุดให้บริการ อีเมลเข้ามาเพื่อบอกว่า “คืนนี้หาที่นอนในโตเกียวไปก่อนนะ”

เราอยู่ตัวคนเดียว กับกระเป๋าเดินทางสองใบ ความวุ่นวายในสนามบิน และป้ายภาษาญี่ปุ่นหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถไฟเข้าเมืองที่เราถ่ายรูปไปให้รุ่นพี่อ่านและแปลมาให้ ถึงได้รู้ว่ารถไฟหยุดให้บริการอยู่

ความจริงแล้วตามแผนก็คือในวันอาทิตย์เราจะต้องรีบตรงไปจากกองถ่ายแถวนครปฐม ขึ้นเครื่องบินตอนสี่ทุ่ม และควรถึงโตเกียวตอนหกโมงเช้า จับรถไฟชินคังเซนไปถึงเมืองนากาโอกะตอนสักสิบโมง น่าจะไปทันเวลาก่อนพิธีเริ่มแบบเฉียดฉิว แต่คืนนั้นไต้ฝุ่นเข้าญี่ปุ่น ถ้าเอาเครื่องขึ้นไปยังไงก็ลงจอดไม่ได้ ไฟลต์เลยถูกเลื่อนไปเก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งจะว่าดีก็ถือว่าดี เพราะแผนแรกเฉียดฉิวเกินไป มีโอกาสไปไม่ทันและโดนตัดทุนสูงมาก แต่จะถือว่าไม่ดีก็ตรงที่หลังจากโดนเลื่อนไฟลต์แล้ว เราติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ เราต้องเลือกว่าจะเดินทางไปถึงญี่ปุ่นตอนเย็นวันจันทร์ หรือเช้าวันอังคาร

ซึ่งเราตัดสินใจไปถึงเย็นวันจันทร์...โดยที่ไม่ได้คิดว่ากว่าจะเดินทางจากโตเกียวถึงนากาโอกะก็คงจะห้าทุ่มเข้าไปแล้ว

ผลก็คือการที่เราได้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงของชีวิตในคืนฤดูร้อนริมแม่น้ำที่เราไม่รู้จักชื่อในโตเกียว

คนเดียว

โรงแรมที่เราให้เพื่อนช่วยจัดการให้ระหว่างที่เราจัดการเรื่องอื่นๆ อยู่อยู่ไม่ไกลจากสถานีที่จะต้องขึ้นชินคังเซนในวันรุ่งขึ้น เราลากกระเป๋าสองใบไปตามถนนที่ค่อนข้างเงียบในเขตเมืองรอบนอก โชคดีที่ไม่ใช่หน้าหนาว และโชคดีที่หน้าร้อนญี่ปุ่นในวันนั้นไม่ได้ร้อนจนเกินไป หลังจากจัดการเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็ชาร์จแบตมือถือซึ่งเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนั้นให้เรียบร้อย คิดว่าหลังจากนี้ต้องทำอะไรบ้าง

หนึ่ง เราต้องกินข้าวเย็น สอง เราไม่ได้เตรียมยาสีฟันไป (และเป็นคนเรื่องมากไม่ชอบใช้ยาสีฟันฟรีหลอดเล็กที่โรงแรมเตรียมไว้ให้)

สาม สามทุ่มแล้ว ร้านที่ดูเป็นร้านอาหารรอบๆ ปิดหมดแล้ว

อนาคตสิบชั่วโมงต่อจากนั้นต้องฝากไว้ที่ร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น

พูดเหมือนดราม่า แต่ความจริงแล้วร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นเป็นความบันเทิงในระดับเดียวกับกาชาปองเลยนะ

แน่นอนว่ากูเกิลแมปส์ช่วยชีวิตเราเช่นเคย ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน กูเกิลแมปส์รู้ และกูเกิลแมปส์ยังเห็นอีกด้วยว่าถัดไปไม่ใกล้ไม่ไกลมีแม่น้ำและสะพานอยู่ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ให้เลือกระหว่างไปเดินเล่นริมแม่น้ำกับนอนอยู่ที่โรงแรม...ไม่เห็นตัดสินใจยากตรงไหนเลย

คืนฤดูร้อนของโตเกียวร้อนไม่ได้ต่างจากประเทศไทยสักเท่าไหร่ อากาศอบอุ่นกำลังดีสำหรับมนุษย์เขตร้อนอย่างเรา และอบอุ่นกำลังดีสำหรับการเดินเล่นริมน้ำคนเดียวโดยการไม่สร้างบรรยากาศชวนเหงาใจมากเกินไป เป็นความอบอุ่นที่พอดีสำหรับเรา ทั้งถนนแทบจะไม่มีรถราและผู้คนสัญจร เดินเลยจากโรงแรมไปสองสามบล็อกและเลี้ยวขวา วิวริมแม่น้ำก็อยู่ตรงหน้า

เรื่องตลกก็คือ เราอยู่ส่วนไหนของโตเกียวก็ไม่รู้ แม่น้ำตรงหน้าคือแม่น้ำอะไรก็ไม่รู้ สะพานตรงหน้าคือสะพานอะไรก็ไม่รู้ ตึกสูงที่เปิดไฟสว่างฝั่งตรงข้ามคือตึกอะไร เป็นแลนด์มาร์กหรือเปล่า ก็ไม่รู้ และไม่คิดใส่ใจจะหาคำตอบ ตรงนั้นตอนนั้นไม่มีคน เหมือนภาพตรงหน้าเป็นของเราคนเดียว ผู้ชายที่วิ่งจ๊อกกิ้งผ่านไปเมื่อกี้เป็นแค่แขกไม่ได้รับเชิญบนทางเดินริมน้ำของเรา

ลมฤดูร้อนโชยมาแค่พอให้ไม่เหนียวตัว เสียงน้ำซัดริมฝั่งเป็นจังหวะคลอไปเบาๆ มองไปอีกฝั่งแม่น้ำมีตึกสูงสะดุดตาอยู่แค่หนึ่งตึก สะพานร้างไม่มีรถผ่านไปมา ไม่ได้มีทิวทัศน์สวยจนลืมหายใจ ไม่ได้มีอากาศสดชื่นผ่อนคลาย ไม่ได้มีคนข้างกายที่ช่วยให้บรรยากาศน่าตกหลุมรัก ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เราแค่ตกหลุมรักเสี้ยวเวลาเล็กๆ ริมน้ำนั้น

และผ่านมาหนึ่งปี เราก็ยังตกหลุมรักช่วงเวลาเสี้ยวหนึ่งในชีวิตตอนนั้นอยู่

ป.ล. 1 เริ่มเขียนเมื่อวันที่ 22 ซึ่งตรงกับวันนั้นพอดีแหละ แต่ก็เขียนเสร็จไม่ทันน่ะนะ...
ป.ล. 2 เราต้องขอบคุณเพื่อนคนหนึ่งในชีวิตเรามากๆ ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในกลุ่มคนที่เรารู้ตัวว่าโชคดีมากที่ได้รู้จัก ถ้าบังเอิญได้ผ่านมาอ่านก็ขอบคุณนะ ไม่ใช่แค่ขอบคุณที่เลือกโรงแรมนี้มาให้ด้วย :)

Comments

Popular posts from this blog

เรื่องเล่าตอนทำพาสปอร์ตหาย และฮาวทูทำยังไงดี Missing Passport and How To Find It (Hint: you don’t)

พกเมอร์ฟีไปเที่ยวลั่วหยาง, Frozen China 2